หลังจากนัดกันฟอร์มแย่ทั้งสเปอร์ส และอาร์เซนอล หลังผ่านมา 10 กว่านัด ฟอร์มรูดกราวจนหลุดไปใกล้โซนตกชั้นทั้งคู่
จนสเปอร์สไหวตัวทันก่อนชิงปลด โปเชสติโน่ ออกแล้วแต่งตั้ง มูริญโญ่ มาแทน เรียกได้ว่าแก้ปัญหาคิดเร็วทำเร็ว เอากุนซือที่มีประสบการณ์มาแก้ปัญหาได้สมน้ำสมเนื้อ มูริญโญ่ค่อนข้างมีประวัติดีมากในปีแรกที่ไปคุมทีมใหม่ๆ
แต่หลังผ่านไป 3-4 นัด ก็มีชนะแพ้บ้างสลับกันไป แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเห็นได้ชัดคือ แรงกระตุ้นของทีมที่เปลี่ยนไปหลังเปลี่ยนตัวกุนซือ เพราะหลังจากผิดหวังจากนัดชิง UCL ที่แพ้ลิเวอร์พูล นักเตะสปอร์ส ก็เล่นกันแบบเหมือนคนอกหัก หมดอาลัยตายอยากกันในฤดูกาลนี้ จนฟอร์มรวมของทีมตกลงไป จนทำให้กุนซือที่ปั้นสเปอร์สมาอย่างยาวนานอย่างพอชต้องกระเด็นตกเก้าอี้

ส่วนอาร์เซนอล คิดช้าทำช้า หลังฟอร์มรูดตกลงไปจากห่างโซนตกชั้นแค่ 7 แต้ม เพิ่งจะคิดได้ถึงค่อยปลด อูไน เอไมรี่ ออกแต่ก็ยังไม่หากุนซือทันที ยังคงใช้ ลุงเบิร์ก คุมทีมไปแทนก่อน จนฟอร์มรวมของทีมก็ไม่ได้ดีขึ้น
สุดท้ายก็ต้องหากุนซือใหม่แต่คนเก่าของสโมสรอย่าง มิเกล อาร์เตต้า มาคุมทีม ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ผลงานจะเป็นอย่างไร เพราะเขายังไม่เคยได้คุมทีมไหนมาก่อน มีประสบการณ์เพียงเป็นมือขวาของเป๊บ กวาดิโอล่า ซึ่งถึงว่าอาจจะได้วิชามาพอสมควร
แต่สิ่งที่เป็นปัญหาของสเปอร์ส และอาร์เซนอล คือ สภาพจิตใจของนักเตะมากกว่า ที่หมดความกระหายในชัยชนะ ไม่วิ่งไล่ไม่เพรสซิ่งเหมือนปีก่อนๆ การยืนตำแหน่งที่หละหลวม ขาดผู้นำทีม ขาดแรงกระตุ้น ต่อให้กุนซือเก่งแต่ไหน แต่ถ้านักเตะไม่ให้ความร่วมมือก็คงยากที่จะกลับมาสู่ฟอร์มเดิม

จากนี้ไปเป็นบทพิสูจน์ของ อาร์เตต้า กับมูริญโญ่ แล้วว่าจะพาทีมกับไปพื้นที่ UCL ได้ไหมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลนี้ นี้คือสิ่งที่ท้าทายและโจทย์ยากที่สุดของพวกเขาในตอนนี้